วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2559

อุปทาน

อุปทาน (Supply)
ความหมายของอุปทาน
 อุปทาน (supply) หมายถึง จำนวนสินค้าและบริการชนิดใดชนิดหนึ่งที่ธุรกิจจะนำออกขายในตลาดแห่งหนึ่งระดับราคาต่าง ๆ กัน ในระยะเวลาที่กำหนดให้
ปัจจัยที่เป็นตัวกำหนดอุปทานและฟังก์ชันอุปทาน (supply determinants and supply function)
ปัจจัยกำหนดอุปทาน (supply determinants)
  1)  ระดับราคาสินค้าในตลาด (price : Px)
  2)   จุดมุ่งหมายของธุรกิจ (objective : O)
  3)   สภาพเทคโนโลยี (technology : t)
  4)    ต้นทุนการผลิต (cost : C)
  5)  การเปลี่ยนแปลงในระดับราคาของสินค้าและบริการอื่นๆ(changing in the price of other related goods : Py)
  6)   ดินฟ้าอากาศหรือฤดูกาล (season : S)
ฟังก์ชันอุปทาน (supply function)

ฟังก์ชันอุปทานข้างต้นแปลความหมายได้ว่าจำนวนขายสินค้าขึ้นอยู่กับราคาของสินค้าชนิด X(Px) จุดมุ่งหมายของธุรกิจ(O) สภาพเทคโนโลยี (T) ต้นทุนการผลิต(C)การเปลี่ยนแปลงในระดับราคาของสินค้าและบริการอื่น ๆ (Py) และดินฟ้าอากาศหรือฤดูกาล (S)
กฎของอุปทาน (Low of supply)
“ถ้าสิ่งอื่น ๆ อยู่คงที่ จำนวนขายสินค้าและบริการชนิดใดชนิดหนึ่งเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกันกับราคาของสินค้าและบริการชนิดนั้นเสมอ”
ตารางอุปทานและเส้นอุปทาน  (supply schedule and supply curve)
ตารางอุปทานมีอยู่ 2 ประเภท คือ
1. ตารางอุปทานของหน่วยธุรกิจหรือผู้ผลิตแต่ละราย (individual  supply schedule)
  2.ตารางอุปทานรวมหรือตารางอุปทานของตลาด (total supply schedule or market supply schedule)
ความแตกต่างระหว่างการเปลี่ยนแปลง  จำนวนขายและการเปลี่ยนแปลงอุปทาน
1.  การเปลี่ยนแปลงจำนวนขาย (change in the quantity   supplied) หมายถึง 
การที่จำนวนขายสินค้าและบริการ  ชนิดใดชนิดหนึ่งเปลี่ยนไปเนื่องจากราคาสินค้า  ชนิดนั้น ๆ เปลี่ยนแปลงโดยที่ปัจจัย กำหนดอุปทานอื่น ๆ ทั้ง 5 ตัว อยู่คงที่ ในกรณีเช่นนี้ เส้นอุปทานจะไม่ เปลี่ยนแปลงแต่เป็นเพียงการเคลื่อนย้ายไปตามเส้นอุปทาน (move along curve)
2 การเปลี่ยนแปลงอุปทาน (change in supply) หมายถึง 
การที่  ปัจจัยกำหนดอุปทานอื่น ๆ เช่น จุดมุ่งหมายของธุรกิจ สภาพ  เทคโนโลยี ต้นทุนการผลิต การเปลี่ยนแปลงในระดับราคา  ของสินค้าและบริการอื่น และดินฟ้าอากาศหรือฤดูกาล ตัวใด  ตัวหนึ่งหรือหลายตัวในจำนวนนี้ได้เปลี่ยนแปลงไป และมีผล  ทำให้จำนวนขายเพิ่มขึ้นหรือลดลง ทั้ง ๆ ที่ระดับราคาสินค้า  ยังคงเดิมในกรณีเช่นนี้จะทำให้มีการเคลื่อนย้ายของเส้น      อุปทานทั้งเส้น (shift in supply curve) ซึ่งแตกต่างจากการ  เปลี่ยนแปลงจำนวนขาย
  ดังนั้น เราสรุปได้ว่า การเคลื่อนย้ายอุปทานไปทางขวามือ อาจเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงจุดมุ่งหมายการผลิต  เช่นต้องการยอดขายมาก มีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยขึ้นกว่าเดิม ต้นทุนการผลิตลดลง การลดลงของราคาสินค้าและบริการชนิดอื่น ๆ และสภาพดินฟ้าอากาศหรือฤดูกาลอำนวย กรณีใดกรณีหนึ่งหรือหลายกรณีรวมกัน ในทางตรงกันข้างเส้นอุปทานจะเปลี่ยนแปลงไปทางซ้ายมือเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงจุดมุ่งหมายการผลิต เช่น ต้องการขายจำนวนน้อยลงมีการใช้เทคโนโลยีน้อยลงหรือล้าสมัยกว่าเดิมต้นทุนการผลิตสูงขึ้นการเพิ่มขึ้นของราคาของสินค้าและบริการอื่นและสภาพดินฟ้าอากาศหรือฤดูกาลไม่เอื้ออำนวย กรณีใดกรณีหนึ่งหรือหลายกรณีรวมกัน 
การกำหนดดุลยภาพของตลาดโดย อุปสงค์และอุปทาน
ต่อไปนี้จะเป็นการพิจารณาว่าอุปสงค์ (demand) และอุปทาน (supply) ร่วมกันกำหนดภาวะดุลยภาพ (equilibrium)
ตารางอุปสงค์ตลาดและอุปทานตลาดของสมุด
ภาวะดุลยภาพนี้จะดำรงอยู่ได้นานแต่ถ้าตัวกำหนดต่างๆของอุปสงค์และอุปทานเปลี่ยนแปลงไปภาวะดุลยภาพก็จะเปลี่ยนแปลงไป
 .
การเปลี่ยนแปลงภาวะดุลยภาพ
 โดยปกติ ภาวะดุลยภาพของตลาดจะดำรงอยู่ได้นาน  ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิม ตราบเท่าที่อุปสงค์และอุปทานยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่ถ้าปัจจัยกำหนดอุปสงค์และอุปทาน   ตัวใดตัวหนึ่งหรือหลายตัว (ยกเว้นราคาของสินค้าและบริการชนิดนั้น) เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งมีผลทำให้เส้นอุปสงค์หรือเส้นอุปทานเปลี่ยนแปลงไปแล้วย่อมทำให้ภาวะดุลภาพเปลี่ยนแปลงไปด้วย


ขอบคุณ ข้อมูล จาก อาจารย์ จรัญญ์ ตะวงษา












ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น